|
กลุ้มใจกับค่าประกันสุขภาพที่แพงขึ้น? ลองดูทางเลือกที่ถูกกว่า... แต่ต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง?
สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันสุขภาพภายใต้ระบบ ACA (Affordable Care Act) ของสหรัฐฯ สำหรับปี 2026 คงเริ่มรู้สึกเครียดกับค่าเบี้ยประกันที่พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากการสนับสนุนจากรัฐบาลบางส่วนกำลังจะหมดลง หลายคนเริ่มมองหาทางออกอื่นที่ "เบากระเป๋า" กว่าเดิม แต่ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้แผนที่ราคาถูกลง มี 5 เรื่องสำคัญที่เราต้องทำความเข้าใจ เพราะความประหยัดนี้อาจมีราคาที่ต้องจ่ายในรูปแบบอื่น
1. แผนระยะสั้น (Short-Term Plans): ราคาดี แต่ต้อง "แข็งแรงจริง"
แผนประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ "ชั่วคราว" เช่น ช่วงเปลี่ยนงานหรือรอเข้าเรียนต่อ จุดเด่นคือค่าเบี้ยถูกกว่าประกันแบบปกติมาก แต่นั่นเป็นเพราะมันไม่ได้คุ้มครองครบทุกอย่างเหมือนมาตรฐาน ACA
ข้อควรระวัง: ส่วนใหญ่จะไม่คุ้มครองการฝากครรภ์หรือคลอดบุตร และบางแผนอาจไม่ครอบคลุมค่ายา
เงื่อนไขสำคัญ: คุณต้องตอบแบบสอบถามสุขภาพอย่างละเอียด หากมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว บริษัทอาจปฏิเสธไม่คุ้มครอง หรือถ้ายกเลิกกรมธรรม์ย้อนหลังได้หากพบปัญหาสุขภาพภายหลัง เรียกง่ายๆ ว่าแผนนี้เหมาะสำหรับคนที่มีสุขภาพดีเยี่ยมจริงๆ เท่านั้น
2. ประกันแบบจ่ายตามจริง (Indemnity) และแผนแบ่งปัน (Sharing Plans): ทางเลือกสุดท้าย
บางครั้งโบรกเกอร์อาจเสนอแผนที่ดูเหมือนประกันแต่ความจริงไม่ใช่ทั้งหมด เช่น
Indemnity Plans: จะจ่ายเงินชดเชยให้คุณเป็นตัวเลขตายตัว เช่น จ่ายค่าห้องโรงพยาบาลวันละไม่กี่ร้อยเหรียญ ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่พอเพียงกับค่าใช้จ่ายจริง คุณต้องควักกระเป๋าจ่ายส่วนต่างเองเกือบทั้งหมด
Faith-based Sharing Plans: เป็นการลงขันกันในกลุ่มสมาชิกเพื่อช่วยจ่ายค่ารักษา แผนนี้ไม่ใช่ประกันทางกฎหมาย ไม่มีการการันตีว่าเงินจะถูกจ่ายออกมาจริงๆ เมื่อคุณป่วย และบางรายเคยมีปัญหาเรื่องการฉ้อโกงมาแล้ว สรุปสั้นๆ: ถ้าไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ ถึงค่อยพิจารณาแผนเหล่านี้
3. แผน 'Bronze' หรือ 'Catastrophic': เบี้ยต่ำแต่ "ค่าเสียหายส่วนแรก" สูงลิ่ว
หากยังอยากอยู่ในระบบ ACA แต่ต้องการจ่ายรายเดือนให้น้อยที่สุด แผนระดับ Bronze หรือแผนคุ้มครองภัยพิบัติ (Catastrophic) คือทางเลือก
ความเสี่ยง: แม้เบี้ยรายเดือนจะถูก แต่ "ค่าดีดักทิเบิล" (Deductible) หรือจำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายเองก่อนที่ประกันจะเริ่มคุยด้วยนั้นสูงมาก บางแผนอาจสูงถึง $7,500 - $10,600 ต่อคนเลยทีเดียว
เหมาะกับใคร: คนที่แทบไม่ได้ไปหาหมอเลย แต่อยากมีประกันไว้ "กันตาย" ในกรณีเกิดอุบัติเหตุหนักหรือเจ็บป่วยรุนแรงจริงๆ
4. ลองเปรียบเทียบข้ามรุ่น (Shop Around)
บางครั้งการเปลี่ยนแผนในค่ายเดิม หรือข้ามไปค่ายใหม่ก็อาจได้ดีลที่ดีกว่า
ความแปลกของราคา: บางพื้นที่ แผนระดับ "Gold" (ที่ดูพรีเมียมกว่า) อาจมีราคาถูกกว่าแผน "Silver" เสียอีก เนื่องจากการคำนวณเงินอุดหนุนที่ซับซ้อน
สิทธิพิเศษของเจ้าของธุรกิจ: ถ้าคุณทำธุรกิจส่วนตัวและมีลูกจ้าง (แม้ลูกจ้างคนนั้นจะเป็นคู่สมรสของคุณเอง) คุณอาจมีสิทธิ์ซื้อประกันแบบกลุ่ม (Group Plan) ซึ่งในบางรัฐอาจได้ราคาถูกกว่าประกันบุคคลทั่วไป
5. อย่ารอจนนาทีสุดท้าย
วันสุดท้ายของการลงทะเบียนสำหรับปี 2026 คือวันที่ 15 มกราคม (เพื่อให้คุ้มครองเริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์) แต่ทางที่ดีควรรีบเข้าไปเช็กในเว็บไซต์ทางการอย่าง Healthcare.gov เพื่ออัปเดตข้อมูลรายได้และดูว่าคุณยังได้รับเงินอุดหนุนเหลืออยู่เท่าไหร่
สิ่งที่ต้องย้ำ: ระวังเว็บไซต์ปลอมที่ทำหน้าตาเลียนแบบเว็บรัฐบาล ให้เน้นเข้าผ่านเว็บทางการเท่านั้น และอย่าลืมว่าประกันจะเริ่มคุ้มครองก็ต่อเมื่อคุณ "จ่ายเบี้ยงวดแรก" เรียบร้อยแล้วเท่านั้น
|