ประโยชน์ของแครอทและวิธีกินให้ได้คุณค่าสูงสุด
แครอทมีชื่อเสียงในฐานะ "ซูเปอร์ฟู้ด" มาอย่างยาวนาน และวิทยาศาสตร์ก็ยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง แต่เรามักจะมองข้ามผักหัวพื้นบ้านชนิดนี้ไปเวลาเลือกซื้อของเพื่อสุขภาพ อาจเป็นเพราะเราคุ้นเคยกับมันมากเกินไปจนผักที่ดูทันสมัยกว่าอย่างคะน้าเคล (Kale) หรืออะโวคาโดมักจะแย่งความสนใจไปหมด
ความจริงแล้วแครอทคู่ควรกับการได้รับความสนใจมากกว่านั้น และนี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นสุดยอดอาหารที่ควรมีติดครัวไว้เสมอ
สารอาหารอัดแน่นที่ช่วยดูแลร่างกาย
แครอทเต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงสุขภาพของหัวใจ ไต และตับ แครอทเป็นหนึ่งในแหล่งเบต้าแคโรทีนที่เข้มข้นที่สุด ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย ช่วยทั้งเรื่องผิวพรรณและสายตา แค่แครอทหั่นหนึ่งถ้วยก็ให้วิตามินเอเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันแล้ว นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ วิตามินเค โพแทสเซียม และสารอาหารที่ช่วยบำรุงดวงตาอย่างลูทีนและซีแซนทีนด้วย
เรื่องจริงเกี่ยวกับแครอทและสายตา
ความเชื่อที่ว่าแครอทช่วยเรื่องการมองเห็นนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง แครอทช่วยให้เรามองเห็นได้ดีขึ้นในที่มืด และช่วยป้องกันปัญหาสายตาในระยะยาว เช่น การเกิดต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมซึ่งอาจนำไปสู่การตาบอดได้ สารลูทีนในแครอทยังช่วยเพิ่มความหนาแน่นของเม็ดสีในจอตา ซึ่งเป็นเกราะป้องกันการเสื่อมสภาพตามวัย
อย่างไรก็ตาม แครอทไม่ได้ทำให้เรามีสายตาเหนือมนุษย์เหมือนในหนัง แต่มันคือ "เครื่องมือรักษา" สุขภาพตาที่ดีเยี่ยมที่สุดอย่างหนึ่ง
สีที่ต่างกัน... ให้ประโยชน์ที่ต่างไป
เดี๋ยวนี้แครอทไม่ได้มีแค่สีส้ม แต่ยังมีเฉดสีอื่นๆ ที่ให้คุณค่าทางสารอาหารแตกต่างกันไป:
สีม่วง: มีสารแอนโทไซยานินสูง ช่วยเรื่องสุขภาพลำไส้ การทำงานของสมอง และหัวใจ
สีเหลือง: มีลูทีนสูง โดดเด่นเรื่องการบำรุงสมองและดวงตา
สีแดง: รวยด้วยไลโคปีน ซึ่งเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง
กินสดหรือปรุงสุก แบบไหนดีกว่ากัน?
แครอทมีประโยชน์ทั้งแบบกินดิบและปรุงสุก แต่การปรุงสุกมีข้อดีที่น่าประหลาดใจคือ ความร้อนจะช่วยทำลายผนังเซลล์ของแครอท ทำให้ร่างกายดูดซึมเบต้าแคโรทีนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เนื่องจากเบต้าแคโรทีนละลายได้ดีในไขมัน การปรุงแครอทด้วย ไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก จะยิ่งช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนแครอทดิบนั้นยังคงให้ไฟเบอร์ที่ดีและความสดชื่น ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการกินสลับกันไปตามความชอบ
ไอเดียอร่อยๆ ในการเติมแครอทลงในมื้ออาหาร
แครอทมีรสหวานตามธรรมชาติ ทำให้เข้ากับอาหารได้ทั้งคาวและหวาน:
ย่างทั้งหัว: ปรุงรสด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศ
ซุปแครอท: ปั่นเป็นซุปเนื้อเนียน ปรุงรสด้วยขิงหรืออบเชย
เมนูพื้นฐาน: เริ่มต้นทำซุป สตูว์ หรือไก่อบด้วยการผัดแครอท หอมหัวใหญ่ และขึ้นฉ่าย (Mirepoix) เพื่อเพิ่มความกลมกล่อม
ขนมสุขภาพ: ผสมแครอทขูดลงในมัฟฟิน ขนมปัง หรือเค้กแครอท
ข้อควรระวังเล็กน้อย: เนื่องจากแครอทมีความหวานในตัวอยู่แล้ว เวลาทำอาหารควรลดหรือข้ามการเติมน้ำผึ้ง น้ำเชื่อม หรือน้ำตาล เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการที่แท้จริงโดยไม่ได้รับน้ำตาลเกินความจำเป็น
|